บทที่ 1 ปรัชญาและอุดมการณ์ในการพัฒนาตนเอง
ความหมายของการพัฒนาตน
การพัฒนาตน (Personal
Development) เป็นการเพิ่มขีดความสามารถ ขยายความเฉลียวฉลาด
สติปัญญาเพื่อให้มีความก้าวหน้าในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน
ให้ชีวิตมีความหมายและความพึงพอใจ อาจพัฒนาโดยตนเองนำตนเอง
หรือมีคนอื่นมานำให้พัฒนาด้วยการให้การกระตุ้นจูงใจ ให้การสนับสนุน
แต่ในท้ายที่สุดก็คือการเพิ่มความสามารถให้แก่ตน
การรู้จักตนเอง
ผู้มีการพัฒนาตนต้องรู้จักตน
วิเคราะห์ตนเองให้เห็นชัดว่าตนเป็นใคร มาจากไหน ทำอะไร มีอะไรเป็นเป้าหมายของชีวิต
โสกราติส นักปราชญ์ชาวกรีกกล่าวว่า “ชีวิตที่ไม่ได้ตรวจสอบ
เป็นชีวิตที่ไร้ค่า” คนที่หวังความก้าวหน้า
ควรกำหนดจุดหมายปลายทางชีวิตของตน พิจารณาว่าจะนำตนไปสู่จุดหมายของชีวิตได้อย่างไร
ต้องทำตนอย่างไรจึงเผชิญสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม การรู้จักตนเองจึงเป็นรากฐานแห่งการนำชีวิตไปสู่จุดหมายได้อย่างราบเรียบ
แนวคิดและหลักการพัฒนาตน
ในการพัฒนาตน
มีแนวคิดและหลักการในการพัฒนาทั้งด้านความรู้ ทักษะการปฏิบัติ
และความนึกคิดหลากหลาย
จึงควรพินิจตามความเหมาะสมกับความพยายามทุกวิถีทางในการสร้างประสบการณ์ของตน ทั้งในด้านกว้างและด้านลึก
บางอย่างก็ให้ผิดเป็นครูได้ บางอย่างไม่คุ้มค่ากัน
ป้องกันไม่ให้เกิดได้เป็นดีที่สุด อย่างไรก็ตาม การศึกษา การฝึกอบรม
การพัฒนาตนในด้านต่างๆควรเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
เพื่อการพัฒนาตนให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเสนอแนวคิดและหลักการ ดังนี้
1.)
ความจำเป็น 5
ด้าน ในการพัฒนาตน
คนทั่วไปนิยมพัฒนาตนเองโดยการพัฒนาด้านความรู้
ทักษะ และเจตคติ ส่วนวูดส์ (Wood, 2003, p. 172)
ได้เสนอความจำเป็นในการพัฒนาตนไว้ 5 ด้าน คือ
1.) ด้านความรู้
2.) ด้านวิธีทำ
3.) ความสามารถด้านพุทธิศึกษา-สติปัญญา
4.) ด้านทักษาสัมพันธ์กับผู้คน
5.) ด้านเจตคติ
2.) ความรู้และทักษะในการทำงาน
โดยทั่วไป
ในงานอาชีพประกอบด้วยทักษะทางอาชีพ 3 ประการ คือ
1.) ทักษะทางเทคนิคและวิชาชีพ
2.) ทักษะด้านองค์การ
3.) ทักษะส่วนตัว
ปรัชญาและอุดมการณ์ในการพัฒนาตนเอง
เป้าหมายในการพัฒนาตนเองจึงเป็นการปรับปรุงผลิตภาพส่วนตัว
คือทำงานได้ผลผลิตมากกว่าปัจจัยนำเข้า
เนื่องจากผลิตภาพส่วนตัวของผู้ปฏิบัติงานมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
ผลิตภาพเกิดจากความมีประสิทธิผล ความมีประสิทธิภาพในการทำงาน ทำงานได้ตามเป้าหมาย
รู้จักใช้นวัตกรรม เนื่องจากผู้ปฏิบัติงานมีสมรรถนะ คือ ความรู้ ทักษะและเจตคติ
กับทั้งทำงานมีประสิทธิภาพ คือทำงานได้งานตามปริมาณ ตรงคุณภาพ
โดยใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด
ดังนั้น คนจะใช้ศักยภาพได้เต็มที่
ขึ้นอยู่กับ 3
วิธีการ คือ เจตคติ การตั้งเป้าหมาย และการให้ตนเตือนตน (Attitude,
goal setting and self motivation)
ในบทนี้จะนำเสนอเรื่องเจตคติและการตั้งเป้าหมาย
อันเป็นรากฐานทางปรัชญาและอุดมการณ์ในการพัฒนาตนเอง ดังนี้
1.) เจตคติ
เจตคติ (Attitude) คือ
ความรู้สึก ท่าทีที่แสดงออก เจตคติส่งผลต่อการปฏิบัติงาน บางคนมีเจตคติบวกมากกว่าคนอื่น
บางคนมีเจตคติทางลบมากกว่าคนอื่น จะทำอย่างไรจึงคงมีเจตคติบวก คือ แสดงออก มีท่าที
มีความรู้สึกที่ดีต่อผู้ที่ติดต่อสัมพันธ์
2.) การตั้งเป้าหมาย
มองไปข้างหน้า
คิดให้ชัดว่าต้องการไปถึงไหน วัตถุประสงค์ให้ภาพใหญ่ว่าต้องการความสำเร็จอะไร
แล้วกำหนดลักษณะแห่งความสำเร็จเพื่อหาวิธีการกระทำไปสู่ภาพความสำเร็จที่ต้องการนั้น
ดังที่ ล็อคและลาธแฮม (Locke
& Latham, 1984) ให้ความเห็นว่า
เป้าหมายเป็นความก้าวหน้าที่ปฏิบัติอย่างเป็นระบบเพื่อบรรลุความสำเร็จที่ต้องการ
ปราศจากเป้าหมาย ทั้งธุรกิจและบุคคลผู้ปฏิบัติงานก็จะไร้ความทะเยอทะยาน
ไม่มีเป้าหมาย
ก็ไม่อาจบรรลุวัตถุประสงค์ได้เนื่องจากไม่สามารถแตกออกเป็นกิจกรรมที่ทำการให้ไปบรรลุได้
เป้าหมายจึงให้แรงบันดาลใจให้เกิดผลสำเร็จในกิจกรรม
สัญญาการเรียนรู้
สัญญาการเรียนรู้ เป็นข้อตกลงที่ใช้ในการศึกษาอย่างได้ผลหลายสิบปีแล้ว
ผลงานการวิจัยเกี่ยวกับการเรียนรู้แบบชี้นำตนเองมีผลว่า
เหมาะแก่แหล่งทรัพยากรและแนวทางการเรียนรู้ของผู้ใหญ่
เนื่องจากผู้ใหญ่มีประสบการณ์ ความจำเป็นในการเรียนที่จะต้องทำกิจกรรมการเรียนรู้
เป็นการผสมประสบการณ์เข้ากับนิสัยการเรียนของตน
1.) สาเหตุที่ต้องมีสัญญาการเรียนรู้
บรอคเคทและไฮทสตาร์ (Brockett &
Hiemstra, 1991) กล่าวว่า ข้อค้นพบที่สำคัญที่สุดคือ
เมื่อผู้ใหญ่ประสงค์จะเรียนอะไรแล้ว ไม่ต้องการให้ใครมาสอน
จะเรียนรู้แบบตนชี้นำตนเองได้ ทั้งจะเรียนรู้ได้ลึกซึ้งกว่าเมื่อตนเองคิดเรียนเอง
การเรียนรู้เช่นนี้เป็นการพัฒนาตนเองที่สามารถวางแผนและดำเนินการได้ด้วยตนเองโดยอาจมีโครงสร้างหลวมๆหรืออาจเป็นชนิดที่การเรียนรู้มีเป้าประสงค์ปรับปรุงสมรรถนะของตนในการปฏิบัติงาน
ที่ต้องคำนึงถึงความจำเป็นและความคาดหวังขององค์การ วิชาชีพ และสังคม
สัญญาการเรียนรู้ให้ความหมายในการเจรจาต่อรองระหว่างความจำเป็นและความคาดหวังภายนอก
กับความจำเป็นและความสนใจภายในของผู้เรียน
2.)
วิธีพัฒนาสัญญาการเรียนรู้
ขั้นที่
1 วินิจฉัยความจำเป็นในการเรียนรู้
ขั้นที่ 2 กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้
ขั้นที่ 3 ระบุแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้และยุทธศาสตร์การเรียนรู้
ขั้นที่ 4 ระบุวันที่จะทำงานแล้วเสร็จ
ขั้นที่ 5 ระบุประจักษ์พยานแห่งวามสำเร็จ
ขั้นที่ 6 ระบุจะยืนยันรับรองประจักษ์พยานอย่างไร
ขั้นที่ 7 ทบทวนสัญญากับผู้สอน
ขั้นที่ 8 ทำตามสัญญา
ขั้นที่ 9 ประเมินผลการเรียนรู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น